วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การแต่งกายสมัยหินเก่า

มนุษย์ยุคหินเก่า  เมื่อประมาณ 600,000 – 8,000 ปี  ก่อนคริสตกาลเขาก็มีเครื่องแต่งกายกันแล้ว  ความจำเป็นที่มนุษย์ต้องแต่งกายก็เพื่อปกปิดร่างกายสร้างความอบอุ่นและเพื่อป้องกันสัตว์และแมลงต่างๆ โดยเริ่มแรกนั้นมนุษย์ได้ปกปิดร่างกายโดยใช้ขนสัตว์และหนังสัตว์

การแต่งการสมัยรัตนโกสินทร์

สมัยรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 1-3 พ.ศ. 2325 – 2394 ระยะ 69 ปี 

หญิง 
ผม ไว้ผมปีกประบ่ากันไรผมวงหน้าโค้ง ส่วนบนกระหม่อมกันไรผมเป็นหย่อมวงกลม แบ่งผมออกดูคล้ายปีกนก จึงเรียกผมปีก แต่ไม่ยาวเท่าสมัยอยุธยา ปล่อยจอน ข้างหูยาวแล้ว ยกขึ้น ทัดไว้ที่หู เรียกว่า “จอนหู” ส่วนเด็ก ๆ นิยมไว้ผมจุก 

การแต่งกาย นุ่งผ้าจีบ ห่มสไบเฉียง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสมัยอยุธยา ชาวบ้านนุ่งผ้าถุง หรือโจงกระเบน สวมเสื้อรัดรูปแขนกระบอก ห่มตะเบงมาน หรือผ้าแถบคาดรัดอก และห่มสไบ เฉียงทับ 

ชาย 
ผม ยังคงไว้แบบเดียวกับสมัยอยุธยา คือ ทรงมหาดไทย ชาวบ้านเรียกว่า “ทรงหลักแจว” 

การแต่งกาย นุ่งผ้าม่วง โจงกระเบน สวมเสื้อเป็นแบบเสื้อนอกคอเปิด ผ่าอก แขนยาว กระดุม 5 เม็ด ชาวบ้านจะไม่สวมเสื้อ หรือพาดผ้า 

การแต่งกายสมัยกรุงธนบุรี

สมัยกรุงธนบุรี ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง พระเจ้ากรุงธนได้มี ความสัมพันธ์กับ ต่างประเทศมากขึ้น เพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงเปิดการค้าขายติดต่อกับประเทศจีน ส่วนชาวยุโรป ชาติต่างๆ ที่เคยเข้ามา ติดต่อค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นั้นได้พากันอพยพ ออกไปค้าขายอยู่ในประเทศอื่นๆ เสียหมดเพราะ บ้านเมืองตกอยู่ ในสภาพยุคเข็ญเป็นจลาจลเสียช้านาน และประกอบกับ ทางยุโรป กำลังยุ่งยาก กับการทำศึกสงคราม ในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 จึงทำให้การติดต่อ ไมตรีกับชาวยุโรปชาติต่างๆ ต้องยุติลง ชั่วระยะหนึ่ง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยกรุงธนบุรี

การแต่งกายสมัยอยุธยา


สมัยอยุธยา (พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310) 

ราวสมัย พ.ศ. 1893 สมัยพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านปลดกางเกงหรือ สนับเพลาออกบ้างแล้ว คงใช้เฉพาะขุนนางข้าราชสำนัก แบบขัดเขมรจึงถูกปล่อยให้ยาวลงมาถึง ใต้เข่าเป็น “นุ่งโจงกระเบน” เสื้อคอกลมแขนกรอมศอก สตรีนุ่งผ้าและผ้ายกห่มสไบเฉียง สวมเสื้อ บ้างโดยมากเป็นแขนกระบอก 

การแต่งกายสมัยสุโขทัย


สมัยสุโขทัย (ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19 – 20) 

เมื่อครั้งที่”พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ทรงสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้น เป็นราชธานี แห่งอาณาจักร สุโขทัย เมื่อ พ.ศ.1762 ได้มีหัวเมืองต่างๆที่มีคนไทยปกครองก็หันมายอมรับเอากรุงสุโขทัยเป็น ศูนย์กลางอำนาจ ทำให้มีอาณาเขตแผ่กว้างออกไป มีความเจริญก้าวหน้าในทุกด้านทั้ง ศิลปวัฒนธรรมและวิทยาการ(โอม รัชเวทย์, 2543:44) การแต่งกายของชาวสุโขทัยอาจเทียบเคียง ได้จากภาพเขียนลายเส้นบนแผ่นศิลาจากวัดศรีชุม ภาพลายเส้นบนรอยพระพุทธบาทที่ทำด้วย สำริด รูปหล่อสำริดและตุ๊กตาสังคโลก (คณะอนุกรรมการแต่งกายไทย, 2543: 102-103) ที่แสดง ให้เห็นทั้งทรงผม เสื้อ ผ้าห่ม เครื่องประดับและเครื่องหอม 

ลักษณะการแต่งกายของผู้หญิง 
ผม ผมยาวเกล้ามวยบนศีรษะ มีพวงดอกไม้หรือพวงมาลัยสวมรอบมวย หรือไว้ผมแสก กลาง รวบผมไว้ท้ายทอย มีเกี้ยวหรือห่วงกลมคล้องตรงที่รวบ 

เครื่องประดับ กรองคอ รัดแขน กำไลมือและกำไลเท้า เครื่องปักผมเป็นเข็มเงิน เข็ม ทอง ใส่แหวน รัดเกล้า 

เครื่องแต่งกาย นุ่งผ้าซิ่นหรือผ้าถุงยาวกรอมถึงข้อเท้า

สมัยยุคหินใหม่


ยุคหินใหม่ 

เป็นยุคที่ใช้เครื่องมือหินขัด มีการทำเครื่องปั้นดินเผาขึ้นใช้ สมัยหินใหม่ พบหลักฐานการใช้เครื่องมือแบบขวานหินขัด(Polish Axes/ Ads) ทั้งแบบมีบ่าและไม่มีบ่า บางครั้งชาวบ้านเรียกว่าขวานฟ้า เพราะมักพบตามหัวไร่ปลายนาหลังถูกน้ำฝนชะล้าง คนสมัยนี้รู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์แล้ว รู้จักการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนตามเนินดินค่อนข้างสูง หรือริมฝั่งแม่น้ำชันๆ เช่น แม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี พบหลักฐานโครงกระดูกแพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า จ.กาญจนบุรี แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี (ภาชนะลายเขียนสีบ้านเชียง) แหล่งโบราณคดี อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี ฯลฯ คนสมัยนี้นิยมใส่ภาชนะดินเผาบรรจุอาหาร เครื่องมือหินและเครื่องประดับจากหิน กระดูกหรืองาช้าง ลงในหลุมศพด้วย 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยหินใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมัยยุคหินกลาง

ยุคหินกลาง



ยุคหินกลาง

ยุคหินกลาง (Mesolihic Period หรือ Middle Stone Age) ประมาณ 10,000-5,000 ปีล่วงมาแล้วมนุษย์ในช่วงเวลานี้เริ่มมีการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำตะกร้าสาน ทำรถลาก และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยหินก็มีความประณีตมากขึ้น ตลอดจนรู้จักนำสุนัขมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง

ในสมัยยุคหินกลาง มนุษย์รู้จักการสร้างเครื่องยนต์และเริ่มมีทำนาพืช แต่อาชีพหลักของมนุษย์ในสมัยนี้ยังคงเป็นการล่าสัตว์ และยังเร่ร่อนไปตามแหล่งสมบูรณ์ โดยมักตั้งหลักแหล่งอยู่ตามแหล่งน้ำ ชายฝั่งทะเล ประกอบอาชีพประมง ล่าสัตว์และบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยหินกลาง

สมัยลพบุรี


สมัยลพบุรี 
(พุทธศตวรรษที่ 16-19) 

ลพบุรีหรือละโว้ค่อยๆเริ่มเข้ามาแทนที่อาณาจักรทวารวดี แต่อาจไม่ได้มีการปกครองในรูปแบบอาณาจักรอย่างชัดเจนมากนัก แต่ด้วยความที่มีการพบหลักฐานทางโบราณคดีอย่างหนาแน่นโดยเฉพาะโบราณสถานแล้วนั้น อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า ในบริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก และเลยเข้ามาถึงภาคกลาง มีอิทธิพลของขอมเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน ตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และได้เริ่มจางหายไปหลังการสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยลพบุรี

สมัยยุคเหล็ก

ยุคเหล็ก



ยุคเหล็ก

เป็นยุคที่รู้จักการถลุงเหล็ก นำมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้

แบ่งเป็นแหล่งโบราณคดีซึ่งพบเครื่องมือเครื่องใช้ทำด้วยโลหะสำริดฝังร่วมกับโครงกระดูกในหลุมศพ พบที่บ้านเชียง อุดรธานี หรือแหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ฯลฯ ส่วนแหล่งโบราณคดีซึ่งพบเครื่องมือเหล็กฝังร่วมกับโครงกระดูกนั้น พบบริเวณริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกำลังถูกนายทุนเช่าที่เพื่อลักลอบขุดหาโบราณจนกระทั่งแทบหมดสภาพแล้ว(สำรวจ พ.ศ.2542) 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยเหล็ก

สมัยยุคโลหะ

ยุคโลหะ 
โลหะชนิดแรกที่มนุษย์รู้จักนำมาหลอมเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ คือ ทองแดง ปรากฏหลักฐานในบริเวณลุ่มน้ำไทกริสและยูเฟรติส แสดงว่ามนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณนั้นรู้จักนำทองแดงมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ก่อนที่จะรู้วิธีทำสำริด
ยุคโลหะแบ่งออกเป็น 3 ยุคย่อย คือ ยุคทองแดง ยุคสำริด และยุคเหล็ก
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยโลหะ

สมัยหินเก่า


ยุคหินเก่า 

เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ยังดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเร่ร่อนเก็บของป่าและล่าสัตว์มาเป็นอาหาร อาศัยอยู่ตามถ้ำแต่ไม่ถาวร เนื่อง จากต้องย้ายถิ่นเพื่อแสวงหาแหล่งอาหารไปเรื่อย ๆ เพราะยังไม่รู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ไม่รู้จักทำเครื่องปั้นดินเผา 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมัยหินเก่า

สมัยธนบุรี

ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี

การสถาปนากรุงธนบุรี
     ภายหลังการสูญเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าแล้ว  บ้านเมืองอยู่ในสภาพระส่ำระสาย ขาดพระเจ้าแผ่นดินปกครอง  ประชาชนพากันหลบหนีไปอยู่ตามป่า และหัวเมืองห่างไกล  อย่างไรก็ตาม  การเสียกรุงครั้งที่ 2  นี้ยังมีหัวเมืองอีกหลายแห่ง ที่รอดพ้นจากการทำลายของพม่า  จึงได้มีผู้นำคนไทยตั้งตัวเป็นเจ้าชุมนุมขึ้น  เพื่อรวบรวมกำลังเข้ากอบกู้อิสรภาพต่อไป
แผนที่ประเทศไทยสมัยธนบุรี

สมันรัตนโกสินทร์

ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์

 การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์     
   หลังจากที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ทรงปราบจลาจลในปลายสมัยธนบุรีเสร็จสิ้นแล้ว  จึงได้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี  และขึ้นครองราชย์ในฐานะปฐมกษัตริย์ แ่ห่งราชวงศ์จักรี  ทรงพระนาว่า สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
     สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ได้ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี มายังฝั่งกรุงเทพฯ  ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา  เมื่อ พ.ศ.  2325
แผนที่ประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 1  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

สมัยอยุธยา

ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา

(พ.ศ. 1893 - 2310)

การสถาปนากรุงศรีอยุธยา
       ในราวปี  พ.ศ.  1893  เมื่อกรุงสุโขทัย เริ่มเสื่อมอำนาจลง หัวเมืองต่าง ๆ  จึงแข็งข้อ  เมืองอู่ทอง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัยเป็นเมืองใหญ่  พระเจ้าอู่ทอง จึงเริ่มสะสมกองกำลัง และเป็นผู้นำคนไทย ที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง  และตอนล่าง  ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นอิสระจากสุโขทัย  โดยตั้งราชธานีบริเวณหนองโสน  หรือบึงพระราม  ซึ่งก็คือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน  เหตุที่ย้ายเมืองมาสร้างราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา  ก็เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่รวมของแม่น้ำหลายสาย  จึงเป็นปากประตูสู่เมืองทางด้านเหนือทั้งสุโขทัยและเชียงใหม่  พระเจ้าอู่ทองทรงเป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์อู่ทอง  ทรงพระนาว่า  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1  ครองราชย์ปกครองกรุงศรีอยุธยาอยู่นานเป็นเวลาถึง  20  ปี
แผนที่ประเทศไทยสมัยอยุธยา

สมัยสุโขทัย

 ประวัติศาสตร์ไทยสมัยสุโขทัย

           (พ.ศ.  1780 - 1981)
การสถาปนากรุงสุโขทัย
     ก่อนการสถาปนากรุงสุโขทัย  ดินแดนตั้งแต่ภาคเหนือ ลงมา แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอ่าวไทย อยู่ภายใต้การปกครองของขอม  โดยดินแดนตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป เป็นอาณาเขตสยาม  มีเมืองสุโขทัยเป็นศูนย์กลาง  และดินแดนส่วนใต้ ตั้งแต่ปากน้ำโพ ลงมาถึงอ่าวไทย  เป็นอาณาจักรละโว้  ราวปี  พ.ศ.  1780  พ่อขุนบางกลางหาว (หรือพ่อขันบางกลางท่าว)  เจ้าเมืองบางยาง  และพ่อขันผาเมือง  เจ้าเมืองราช  ได้ร่วมกันรวบรวมกำลัง เข้าตีเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ  ของขอม  แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  โดยมีพ่อขุนบางกลางหาวเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง  ทรงพระนามว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  ปกครองกรุงสุโขทัย  และมีกษัตริย์สืบต่อมารวม  9  พระองค์ ดังนี้

แผนที่อาณาจักรสุโขทัย